
อาการบาดเจ็บ, ความผิดพลาดในการทำธุรกิจ และความไม่แน่นอนของหลังฉากส่งผลให้ฟอร์มของพวกเขาตกต่ำลงอย่างมาก
มันให้ความรู้สึกเหมือนชีวิตจบไปแล้ว แต่อันที่จริง ลิเวอร์พูล เข้าสู่ฤดูกาลนี้ด้วยการมองโลกในแง่ดี หลังจากพลาดโอกาสคว้า 4 แชมป์ที่ยิ่งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดูเหมือนกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะผงาดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะมาถึงในตอนนั้น
ชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของ เลสเตอร์ บ่งบอกว่า หงส์แดง ไม่ได้สูญเสียความกระหายหรือไฟในตัวเองไปเลย
ดาร์วิน นูนเญซ ที่ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาใหม่ประเดิมสนามด้วยการทำประตู มันสร้างความมั่นใจให้เดอะ ค็อป เดินทางตามมาเชียร์ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็มีชื่อเป็นผู้ทำประตูด้วย ขณะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เด็กใหม่ของ แทงบอล ถูกล่ามโซ่เอาไว้โดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และคนอื่นๆ
กรอมาข้างหน้าอีก 5 เดือนถัดมา บรรยากาศพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความหวังในช่วงต้นฤดูกาลได้หายไปหมดแล้ว ฟอร์มที่ไม่ปะติดปะต่อในแต่ละรายการ และผลการแข่งขันที่ตกต่ำทำให้ความเชื่อมั่น ความเชื่อ และออร่าของทีมที่เคยถูกมองว่าแข็งแกร่งไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ลิเวอร์พูล แพ้เพียง 4 จาก 63 เกมในทุกรายการเมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่พวกเขาแพ้ไปแล้ว 7 นัดจาก 28 เกมในตอนนี้
พวกเขาชนะเกมพรีเมียร์ลีกน้อยกว่าครึ่งเสียอีกทำให้โอกาสลุ้นแชมป์จบสิ้นอย่างรวดเร็ว และแทบมองไม่เห็นอนาคตในการลุ้นเป้าหมายขั้นต่ำอย่างโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกเลย
ยิ่งล่าสุดไปแพ้ ไบรท์ตัน 0-3 แบบที่สู้ไม่ได้ตลอด 90 นาทีเหมือนทีมแชมป์เจอกับทีมตกชั้น นั่นกลายเป็นวิกฤติของทีม คล็อปป์ เรียบร้อยแล้ว
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ยังไง? อารมณ์รอบๆ แอนฟิลด์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้ยังไงหลังจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ และซัมเมอร์ที่แสนวุ่นวาย? ทั้งหมดข้างล่างนี้จะบ่งบอกถึงความเน่าเฟะของ หงส์แดง
ติดตามข่าวสารไดที่ mymeeti.com